รูปนี้ผมขโมยมาจากบล็อกคุณปอม ต้นทางอยู่ที่ http://kulawat.tumblr.com/post/75491518534/kanban-101-by-kamon-kulawat
- Agile intro
- Flow game
- Da Kanban
- Kiss game
- TPS
- 5s game
- Kanbanopoly game
(ตกอันไหนไปป่าวนะ ถ้านึกได้ค่อยเพิ่มเข้าไปละกัน)
และช่วงสุดท้ายคือการนั่งคุย ถามตอบปัญหา
นอกจากนี้ยังมีการให้เขียนคำถามที่เราอยากรู้ไปแปะไว้บนกระดาน ระหว่างเรียนผู้สอนจะคอยหหยิบมาตอบเป็นระยะๆ ก็อย่างที่เห็นแหละฮะ เป็นเกมไปเกินครึ่ง
พูดถึงกระดาน มันไม่ใช่กระดานธรรมดานะครับ มันเป็นโต๊ะที่จับมาตั้ง ซึ่งมันใช้ได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ อันนี้คุณกรบอกว่าเห็นมาจากอีกที่หนึ่งเขาทำกัน เลยเอามาทำบ้าง ผมเองก็คิดว่าเดี๋ยวจะไปใช้โต๊ะตัวเองทำแบบนี้บ้าง อาจจะต้องตบตีกับแม่บ้านบ้างก็ไม่เป็นไร
เริ่มที่ส่วนแรก คือ Agile intro ตัวผมก็ได้ฟังมาหลายครั้งแล้ว ผมคิดว่าคนในชั้นเรียนหลายๆคนก็คงผ่านมาแล้วเช่นกัน แต่พอฟังจากคุณกรครั้งนี้ก็รู็สึกว่าเป็นรสชาติที่แปลกใหม่ดีนะ (ผมไม่เคยฟังคุณกรบรรยายแนวๆ Agile intro มาก่อน) Agile manifesto 4 ข้อ และ Principle ทั้ง 12 ข้อ รวมไปถึงเหล่าผู็ให้กำเนิดทั้งหลายนั้นนั้นยังพูดถึงอยู่ แต่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว คุณกรพาเราลงไปลึกกว่านั้น นั้นคือย้อนกลับไปมองถึงสภาพสังคม และปัญหาในยุคนั้น (ช่วงปี 2000) เทคโนโลยี ฯลฯ สรุปว่าเป็น Agile intro แบบคุณกรจริงๆอ่ะ
พอจบแล้วก็มีเกมมาให้เล่นครับ เกมนี้ชื่อว่า Flow เกม
เกมนี้ทุกคนตั้งชื่อเล่นให้กับมันว่า"เกมไม้ขีด" เพราะอุปกรณ์หลักของมันคือ ไม้ขีดใช้แทนงานที่มันจะถาโถมเข้ามาหาทีมเราประหนึ่งฝูงซอมบี้ และลูกเต่๋า ใช้ทอยเพื่อดูว่าในแต่ละวันเราทำงานได้กี่ชิ้น กระดาษ Post-it รุ่น Super sticky เอาไว้แปะตรงหน้าสมาชิกแต่ละทีมเพื่อบอกว่าตำแหน่ง และกระดาษให้ PM เอาไว้จดว่าผ่านมากี่วันแล้ว
ผมไม่ได้ถ่ายรูปเอาไว้ เอาเป็นว่าผมวาดให้ดูก็แล้วกันนะ
วิธีเล่นก็คือให้ทุกตำแหน่ง (ยกเว้น PM หน้าที่ของ PM คือคอยจดกับบอกว่าผ่านไปกี่วันแล้ว) ทอยลูกเต๋าของตัวเองถ้าทอยได้แต้มสูง ก็เอาไม้ขีดผ่านตัวเองไปได้มาก ไม้ขีดนี้ก็จะไปกองอยู่ตรงหน้าคนถัดไป ก็คือเป็นการจำลองการทำงานของทีมทำ Software นั่นแหละครับ กว่างานจะผ่านมือ DEV ก็อาจจะเป็นวันที่ 3 กว่าจะส่งมอบงานชิ้นแรกได้ก็เป็นวันที่ 5
ดูจากในรูป คือไม้ขีดอันทีผมถมดำไว้มาถึงตำแหน่ง Done ได้ถือว่าจบรอบ ก็ให้เริ่มรอบต่อไป โดยที่รอบนี้แต่ละคนเริ่มจะมีไม้ขีดค้างอยู่ตรงหหน้ากันบ้างแล้ว รอบนี้ปรากฏว่าใช้เวลามากขึ้นเป็น 7-8 วัน
รอบต่อมาก็เพิ่มความมันส์ด้วยการบอกว่า Test ต้องทำทุก Platform ก็คือ จำนวนแต้มที่ทอยได้ให้หารสอง Oh shit งานก็มากองที่ Test น่ะสิ(ชีวิตจริงชัดๆ) รอบนี้กว่าจะจบก็กินเวลาไปสิบกว่าวัน นี่ขนาดผมทอยได้ 6 แต้มหลายๆครังแล้วนะ ;_;
เราเล่นกันทั้งหมด 4 รอบ ปรากฏว่ายิ่งทำงานไป จำนวนวันก็ยิ่งเพิ่ม (ผมไม่ได้จดจำนวนตัวเลขที่แน่นอนเอาไว้) ที่นีคุณกรก็ให้เรามา dicusss กันว่าปัญหามันอยู่ตรงไหน ก็ว่ากันไป จะเพิ่มคนบ้าง เอาคนออกบ้าง(ผมเสนอไปว่าเอา Test ออกสิ ฮิฮิ) ให้ PM มาช่วยงานบ้าง ฯลฯ
ต่อมาเรากก็ได้เริ่มเล่นเกมใหม่ คราวนี้ มีการกำหนด จำนวน WIP(Work In Progress) ของแต่ละคนเข้าไปด้วย เราตกลงกันที่ 3 ตัวเลขมาจากไหน ก็มาจากการที่ Tester ทำงานได้มากที่สุดแค่วันละ 3 ไงครับ T-T
ตกลงกันได้แล้วก็เรื่มเล่นใหม่ โดยแต่ละคนจะทำงานได้ไม่เกินวันละ 3
ปราฏว่าจำนวนวันที่ใช้ในแต่ละรอบคือ 5-6 วัน แค่ใส่ WIP !?
เริ่มจะเก็ทละ คุณกรมาอธิบายต่ออีกว่า WIP มันเป็นเรื่องของแต่ละคน(หรือแต่ละทีม/ตำแหน่ง) ต้องไปกำหนดกันเอาเอง และมันปรับเปลี่ยนได้เสมอตามที่เห็นว่าสมควร ถ้าตั้งไว้น้อยไป ก็จะมีคนว่างเยอะ ถ้ามากไป ก็จะมีงานค้างและมีโอกาสจะกองอยู่ที่คนใดคนหนึ่งเยอะ (อย่างเช่นในตัวอย่างก็คือ Tester)
ผมว่าถ้าจะไปเล่าต่อก็ไม่ต้องพูดกันมากครับ ให้เล่นเจ้า Flow game นี่แหละครับเห็นภาพแน่นอน
มีคำถามว่า แล้วคนว่างจะทำยังไง
คุณกรบอกว่าทำได้สองอย่างคือ ปล่อยให้ว่างต่อไป หรือ เข้าไปช่วยเหลือคนอื่นๆ (มีเสริมในตอนท้ายว่า เราชอบถนนที่ว่างๆ หรือ ถนนที่รถแน่น มากกว่ากัน)
ต่อมาก็เป็นการบรรยายของตัว Kanban แต่ผมว่าผมเขียนยาวไปละ เท่านี้ก่อนดีกว่าเนอะ
ละเอียดมากครับ อ่านแล้วนึกได้เป็น flashback เลย
ReplyDeleteปูเสื่อรอภาค 2 ครับ
ReplyDelete