Sunday, November 30, 2014

รู้จักกับ New Media Art กันหน่อย

เมื่อวันเสาร์ที่ 1 พฤษจิกายน 2557 ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสไปร่วมงาน Codemania มาครับ เป็นงานเกี่ยวกับแวดวงซอฟต์แวร์ที่รวบรวมคนมาได้หลายหลายมาก นับเป็นงานที่ดีงานหนึ่งเลยครับ จะติดตามต่อไป

ในงานมี Session หนึ่งที่สะกิดความสนใจผม ก็คือ When Programming Meets Art ซึ่งเปิดหูเปิดตามากครับ ไม่นึกว่าเมืองไทยจะมีงานแบบนี้อยู่ด้วย เลยอยากเอามาเล่าต่อครับ

ถ้าพูดถึงงานศิลปะกับซอฟต์แวร์ จะนึกถึงอะไรกันครับ หลักๆเลย ก็คงเป็นเว็บ แอพฯ หรือ เกม อะไรพวกนี้ใช่มั้ยครับ แต่ใน session นี้เขาพูดถึงอีกแขนงหนึ่งที่ไม่ค่อยเห็นคนทำกันเท่าไหร่ในบ้านเรา ก็คือ Software ทางด้าน Visual Effect ครับ พวกเอฟเฟกต์ต่างๆในหนัง แสงเงา ขนสัตว์ ฯลฯ อะไรงี้ ที่ยกตัวอย่างกันบ่อยๆ ก็เช่นพี่เสือใน Life of Pi ก็มีการเขียนซอฟต์แวร์เพื่อเรนเดอร์ขนของพี่เสือให้มันพริ้วๆอย่างที่เห็นในหนังแหละครับ

ทีนี้ อยู่ๆไปเหมือนกับว่างบประมาณทางด้าน Visual effect นี้จะค่อยๆลดลง จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่
แต่เอาเป็นว่า คนที่ทำงานด้านนี้เริ่มจะอยู่ไม่ไหวกันแล้ว ก็เลยมีการนำเอางานทางด้านนี้ไปประยุกต์ใช้กับอย่างอื่นดูบ้าง ไปๆมาๆ ก็มาลงที่ New Media Arts นี่ล่ะครับ

Wikipedia เค้าว่างี้

New media art is a genre that encompasses artworks created with new media technologies, including digital artcomputer graphicscomputer animationvirtual artInternet artinteractive artvideo gamescomputer robotics, and art as biotechnology. The term differentiates itself by its resulting cultural objects and social events, which can be seen in opposition to those deriving from old visual arts (i.e. traditional painting, sculpture, etc.). 
ที่เหลือไปอ่านต่อเอาเองนะครับ

ต่อมาก็เอาตัวอย่างมาโชว์ให้เราดู สองสามอัน อย่างเช่นตัวนี้ค่อนข้างตั้งใจนำเสนอเลยทีเดียว ชื่อว่า Moment of truth ครับ คนที่เดินผ่านไปผ่านมาสามารถเล่นกับมันได้ด้วย โดยรูปแบบของการไหลนั้นมาจากลายหินอ่อนครับ (ถ้าจำไม่ผิดน่าจำทำให้ cotton)
https://www.youtube.com/watch?v=RXICUjebT8o
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายอันครับ เข้าไปดูได้ในเว็บของเขาได้เลย
http://www.thebitstudio.com/

ที่ยอดเยี่ยมอีกอย่างนึงคือ เขามี Testing ด้วยนะครับ ตอนแรกนี่ไม่เห็นภาพเลยว่าของแบบนี้มันจะ Test ยังไง ผมก็ถามว่าเขาทำยังไง ก็ได้รับคำตอบประมาณว่าเขียนโปรแกรมขึ้นมาอีกตัวเพื่อทำการจำลองว่าคนจะเข้ามา interact ยังไง คือรู้สึกได้เลยว่าไม่ได้ทำกันชุ่ยๆแน่นอนครับ ผมเชื่อว่าแต่ละขั้นตอนมันต้องปราณีตมากๆ กว่าจะได้ Product ออกมาแบบนี้ นับถือเลยครับ